Beautiful Samaesarn

คนรักทะเล…ทุกคนล้วนปราถนาที่จะได้เห็นและสัมผัสกับหาดทรายที่ขาวและทะเลที่ใสสะอาดและถ้าได้ดำน้ำตามชายหาดก็ย่อมปราถนาจะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของปะการังและปลาสวยงามใต้ท้องทะเล  แต่ทุกวันนี้สิ่งที่เราได้เห็นบ่อยๆ ผ่านหน้าฟีดของเฟสบุ้คคือ ทะเลและชายหาดที่เต็มไปด้วยขยะพลาสติกแทบจะทุกมุมโลก ถ้าเราลองไปเดินตามชายหาดตอนนี้สิ่งที่เราเจอคือขยะและน้ำทะเลที่สีเขียวตุ่นๆ ไม่ใสอย่างแน่นอน เราคงเคยอ่านข่าวต่างๆ ที่แชร์กันมาทางเฟสบุ้คว่าปลาวาฬหรือปลาโลมาต้องมาตายเพราะกินขยะพลาสติกเข้าไป คนรักธรรมชาติรักทะเลเห็นแล้วปวดใจครับ และเราทุกคนก็ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งหายนะทางทะเลเหล่านี้ได้เลย เกริ่นมาซะน่ากลัวเลย ผมก็เพียงอยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกคนได้ตระหนักถึงธรรมชาติและท้องทะเลของเรา อยากให้ช่วยกันรักษาธรรมชาติและทะเลใว้ตราบนานเท่านาน

 

 

เรามาเข้าเรื่องของทริปนี้กันดีกว่า วันที่น่าประทับใจมากวันนึงเลยทีเดียว เพียงงบประมาณต่อหัวไม่เกิน 2,000 บาท แต่ความสนุกและประสบการณ์ที่ได้ มันประเมิณค่าไม่ได้ ชวนเพื่อนยกแก๊งส์กันไปนี่สนุกมากมีเรื่องเล่าสู่กันฟังไปได้อีกนาน

เช้าในวันที่ฝนตก….ครับเช้าวันนั้นฝนตก จากประสบการณ์แล้วฝนตกไม่ไช่ปัญหาในการเที่ยวธรรมชาติครับเพราะฝนคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติ เราออกเดินทางตามปกติถึงที่นัดหมายแรกคือที่ร้านมุกแสมสาร ทานอาหารเติมพลังกันที่นี่ก่อนจะต้องไปออกแรงนั่งเรือไปดำน้ำกัน ที่ร้านมุกแสมสารนับเป็นร้านอาหารร้านแรกที่ทุกคนที่ไปอ่าวแสมสารต้องเจอ ที่นี่มีอาหารหลากหลายให้เลือกทาน ทั้งอาหารจานเดียวและอาหารตามสั่ง ราคาย่อมเยาว์ สะอาด สถานที่กว้างขวางโปร่งสบาย รองรับนักท่องเที่ยวได้มากมีห้องน้ำหลายห้องที่จอดรถสะดวกสบายครับ และแอบไปเห็นมุมกาแฟ ด้วยความชอบดื่มกาแฟเลยลองสั่งดูก็พอว่าลาเต่ร้อนที่นี่ผ่านการทดสอบครับ

 

 

อิ่มแล้วฝนก็เริ่มซาลงแล้วได้เวลาสนุกแล้วซิ….เราออกจากร้านมุกแสมสารประมาณ 9 โมงเช้าเดินทางไปถึงอ่าวแสมสารแค่ชั่วอึดใจเดียว ผมและทีมงานก็เดินเท้ามุ่งหน้าลงเรือเร็วรำน้อยๆ ด้วยใจระทึก สิ่งแรกที่ทำให้ผมแปลกใจมากๆ คือ เฮ้ยๆ….ทำไมน้ำทะเลที่นี่ใสจริง  ไม่เคยเห็นน้ำทะเลใสแบบนี้มานานมากแล้วโดยเฉพาะตามแนวชายฝั่งและที่สำคัญอ่าวแสมสารอยู่ในอ่าวไทยตอนบนซึ่งเต็มไปด้วยชุมชนโดยปกติแล้วน้ำทะเลจะค่อนข้างจะเสื่อมโทรมจากของเสียจากชุมชน แต่ที่อ่าวแสมสารกลับไม่เป็นเช่นนั้น

เรือเล็กต้องออกจากฝั่ง…สิ่งแรกคือเราทุกคนเรียกหาชูชีพ ความปลอดภัยต้องมาก่อน คลื่นไม่สูงมากฝนยังคงตกปลอยๆ พี่เปาผู้ดูแลเราทั้งหมด ปลดเชื่อกสั่งออกเรือเรานั่งเรือฝ่าฝนมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายแรกเป็นจุดที่น้ำไม่ลึกมากนักเพื่อซักซ้อมการใช้อุปกรณ์ให้คล่องก่อน ผมต้องสารภาพว่านี่คือการดำน้ำแบบใช้สน็อกเกิ้ลครั้งแรกในชีวิต สิ่งที่ต้องเตือนกันใว้ตรงนี้เลยคือเหนื่อยเอาเรื่องเลยละครับ เราได้ดำน้ำถ่ายรูปเล่นกันจนคุ้นเคยกับอุปกรณ์แล้วก็ได้เวลาสำคัญแล้วล่ะครับ

 

 

สุดยอดทะเลฝั่งตะวันออก…จากจุดแรกเรานั่งเรือต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงเป้าหมายเป็นเกาะไม่ใหญ่มากเราเข้าไปหลังเกาะก็พบว่ามีเรือนักท่องเที่ยวจอดอยู่บ้างแล้ว  น้ำที่นี่ใสพอประมาณน้ำลึกประมาณ 3-4 เมตร ก็ลองนึกถึงตึกสองชั้นดูนะครับ ปกติผมเป็นคนกลัวความลึกแต่พอมาถึงที่นี่ผมก็ลืมความกลัวไปเลย รีบเตรียมกล้องอุปกรณ์  ใส่หน้ากากดำน้ำปากก็คาปสน็อกเกิ้ลโดดลงน้ำเฉยเลย ผมดำน้ำลงไปเห็นปะการังมากมายปลาสีสันสดใสว่ายกันเยอะแยะไปหมด เห็นกัลปังหาของจริงที่อยู่ใต้น้ำด้วยตาตัวเอง ผมเห็นบ้านของมีโม่และเจ้าของบ้านออกมาต้อนรับเราแบบคุ้นเคย ผมสบตากับเจ้ามีโม่ ผมแอบน้ำตาไหลนะครับ เพื่อนร่วมโลกที่แสนจะน่ารักของเราเจ้ามีโม่ ผมบอกกับเจ้ามีโม่ว่า จะช่วยปกป้องดูแลบ้านให้นะ จะทำให้ดีที่สุดนะ และผมก็เริ่มต้นด้วยการใช้แก้วส่วนตัวในการซื้อกาแฟดื่ม ส่วนตัวผมไม่เอาถุงพลาสติกเวลาซื้อของที่ 7-11 มานานแล้ว และผมขอวิงวอนกับใครก็ตามที่อ่านมาถึงตรงนี้ช่วยกันลดการใช้พลาสติกเพื่อปกป้องดูแลบ้านของมีโม่น้อย เพื่อปกป้องทะเลไทยของเราให้สวยงามตราบนานเท่านานนะครับ

ขอบคุณๆๆๆ…ขอขอบคุณทีมงานลุงเอ๋ พาเที่ยวกับหนึ่งวันที่ทรงคุณค่า ขอบคุณร้านอาหารมุกแสมสารกับอาหารมื้อพิเศษ และที่ต้องขอบคุณเป็นพิเศษคือทีม OBOB SNORKELING ที่พาเราไปดำน้ำอย่างปลอดภัยแล้วเจอกันใหม่ฉบับหน้าเราจะพาไปเที่ยวอีกนะครับ

A white sand beach and crystal clear sea water are what sea lovers want. When snorkelling, they want to experience an abundance of corallines and fish in the water world. Sadly, there appears on Facebook News Feed pictures of beaches around the world full of scattering plastic rubbish. And these unwanted things are the cause of whale’s and dolphin’s death. The disaster is unstoppable and hurts the sea lovers’ feeling. So I want to use my writing as a space to raise everybody’s awareness of our Mother Nature and the sea and thus preservation.

Let’s talk about our team’s trip. It cost less than 2,000 baths per person. Compared with the enjoyment and experience we get, it is priceless! 

It was a rainy day, but, from our experience, rain was not a problem for nature travel as it was part of nature. We started our journey as usual and arrived at Mook Samaesarn Restaurant, the first meeting point. This restaurant offered a variety of food, both one dish meal and à la carte meal. The food was clean and not that expensive. The place was spacious with a lot of parking lots and toilets. For coffee lovers, the coffee latte from their coffee corner couldn’t be missed.

It was drizzling when we finished our breakfast. Our fun time began! We departed Mook Samaesarn at 9.00 a.m. and it took us not long to arrive Samaesarn Bay. My team and I headed to the speedboat with our heartthrob. To my surprise, sea water here was so clear. Actually, sea water along the coastline was not that clear. Samaesarn Bay was an exception. Though it was part of the upper Gulf of Thailand, which housed a lot of communities, its water was not contaminated by sewage.

When our sea journey began, the first thing we did was to grab the life vest. Safety came first! It was still drizzling and the waves were not high. Brother Pao, who took care of us, unreeved the robe. Our boat headed to the first stop where the water was not so deep. We practised using the snorkel equipment. It was my first time snorkelling and I was so exhausted. After the practice and underwater photo shooting, it was time.

Our next stop was an islet. There were some tourist boats parking at its back. Water was quite clear and was 3-4 meters deep (about a two-storey building). Though I had a bathophobia, here I even forgot my fear. I hurried to prepare my camera equipment, wear my mask, put the snorkel on, and then jumped into the water. In my dive, I saw a lot of coral and colourful fish. The real corallines were in front of me. I also saw the house of Nemo fish. Its owner came out to greet me. When eyes met eyes, tears were in my eyes. I told Nemo that I would do my best to protect his house, starting with bringing my own mug to the coffee shop. Personally, I did not ask for a plastic bag when buying things at the 7-11 convenience store. I would like to beg my reader to reduce the use of plastic bags in the daily life in order to protect and preserve Nemo’s house and the Thai sea.

I would like to thank Uncle Ae’s staff for taking us out. It was really a valuable day. My thank also goes to Mook Samaesarn Restaurant. And I would like to give a special thank to OBOB Snorkeling team for our safe dive. See you in the next issue

 

ที่อยู่ติดต่อ

สถานที่ ที่เราไป

สนใจจัดทริปสอบถามข้อมูลได้นะครับ
☎️ลุงเอ๋ 091-2517782
ID LINE 0815885496

ร้านมุกแสมสาร
☎️081-1593882,086-1465637
ID LINE 0811593882
Facebook ร้านมุกแสมสาร อาหารถูกปากของฝากถูกใจ

เราดำน้ำกับ OBOB SNORKELING
☎️086-1562042 ID LINE Faa2549

Leave your comment